วาร์ดี้ลาจิ้งจอก! ปิดตำนานดาวยิงผู้พาเลสเตอร์สร้างปาฏิหาริย์
ตอนนี้มีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมหลายคนในวงการฟุตบอลอังกฤษ แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถอ้างตัวได้ว่าเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร? เจมี่ วาร์ดี้ คือสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของเลสเตอร์ในปี 2016 โดยเขายิงไปถึง 24 ประตูในลีก แต่นั่นยังเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสิ่งที่เขามอบให้กับทีม
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็เล่นได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่เลื่อนชั้นจากแชมเปียนชิพ ส่วนริยาด มาห์เรซ แม้จะอยู่ในทีมนั้น แต่ก็ย้ายออกไปในปี 2018 ขณะที่วาร์ดี้ไม่เพียงแต่อยู่ต่อเท่านั้น แต่ยังคว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกในปี 2020 และมีส่วนพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 2021 อีกด้วย
วาร์ดี้ดูเหมือนจะไม่มีวันหยุด เขายังยิงได้ถึง 18 ประตูในฤดูกาลที่ผ่านมา ช่วยพาเลสเตอร์กลับขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกจากแชมเปียนชิพได้อีกครั้ง เรื่องราวที่เริ่มต้นจากเทพนิยายซินเดอเรลล่า กลับกลายเป็นเรื่องของความภักดีและความยืนยาวในเส้นทางอาชีพ เขายังเป็นกองหน้าตัวหลักของเลสเตอร์ในวัย 38 ปี และยังคงสร้างความปั่นป่วนให้กับกองหลังฝ่ายตรงข้าม
ท่าทางการดีใจแบบยั่วคู่แข่งของเขามักทำให้แฟนบอลทีมอื่นไม่พอใจ และก็มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์นอกสนามอยู่บ้าง แต่ก็มีเหตุผลว่าทำไมวาร์ดี้ถึงเป็นที่รักของแฟนบอล ทำไมเขาถึงได้รับเสียงเชียร์เมื่อเล่นให้ทีมชาติอังกฤษในยูโร 2016 และฟุตบอลโลก 2018
เรื่องราวของเขาเข้าถึงใจแฟนบอล เพราะวาร์ดี้มอบพลังแห่งความกระตือรือร้นแบบดิบๆ ที่แทบไม่เห็นในระดับพรีเมียร์ลีก มันเหมือนกับว่าเขายังเพิ่งก้าวออกมาจากทีม Stocksbridge Park Steels ทีมในลีกระดับ Northern Premier League ที่เขายังเล่นอยู่ตอนอายุ 23 ปี
ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ การจบสกอร์ที่ยิงเรียดเข้าเสาไกล และไหวพริบที่เขาเสริมเข้ามาในเกมของตัวเอง ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่พิเศษจริงๆ ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา มีแค่โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และแฮร์รี่ เคน เท่านั้นที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้มากกว่าวาร์ดี้
ฤดูกาลล่าสุดอาจเป็นการเล่นที่เกินพอดี? อาจใช่ แต่เขาก็ไม่ค่อยถูกวิจารณ์มากนักกับผลงานของเลสเตอร์ในซีซั่นนี้ หลายคนยังอยากเห็นเขาเล่นต่อไป เพราะเชื่อว่าเขายังสามารถสร้างความแตกต่างในลีกแชมเปียนชิพได้อยู่
แต่ตอนนี้ประเด็นนั้นก็จบลงแล้ว
เขาจากไปในฐานะ “ตำนาน”
และเป็น “คนพิเศษ” ที่ไม่มีใครเหมือน.
